5 อันดับนักเทนนิสที่ทำเงินได้มากที่สุดในอาชีพทั้งประเภทชาย และหญิงมีใครบ้าง รวมทั้งพวกเขากอบโกยเงินจากการเป็นนักกีฬาอาชีพได้มากน้อยแค่ไหนในปัจจุบัน
5.แอนดี มาร์รีย์ (สหราชอาณาจักร, 60.8 ล้านดอลลาร์)
อันดับ 5 ที่อยู่ในโผ คือ แอนดี มาร์รีย์ นักเทนนิสชายมือ 1 ของโลกชาวสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน ซึ่งในปีนี้ผลงานของ มาร์รีย์ กลับไม่เข้าฝักอย่างที่คิด เนื่องจากเจ้าตัวมีอาการเจ็บสะโพกมารบกวน ส่งผลให้คว้าแชมป์ได้เพียง 1 รายการเท่านั้น คือ ดูไบ แชมเปียนชิพ จากการลงเล่นทั้งหมด 12 รายการ และทำให้มีเงินสะสมในปีนี้ 2 ล้านดอลลาร์ (65 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม จากการคว้าแชมป์ทั้งหมด 45 รายการตลอดอาชีพ ส่งผลให้เขามีเงินสะสมจากการเล่นอาชีพทั้งหมดที่ 60.8 ล้านดอลลาร์ (1,976 ล้านบาท) ทิ้งห่างอันดับ 6 อย่าง พีท แซมพราส ตำนานแร็กเก็ตชาวอเมริกัน อยู่ถึง 20 ล้านดอลลาร์ (ราว 650 ล้านบาท) แต่ด้วยวัยเพียง 30 ปี เชื่อว่าเขาจะยังสามารถโกยเงินในการแข่งขันได้อีกอย่างน้อย 3-4 ปีเลยทีเดียว
4.เซเรนา วิลเลียมส์ (สหรัฐ, 84.4 ล้านดอลลาร์)
เซเรนา ถือเป็นยอดนักเทนนิสหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในยุคปัจจุบัน เธอกวาดมาแล้วแทบทุกแชมป์รวมทั้งสิ้น 72 รายการ และช่วงต้นปีที่ผ่านมา เธอเพิ่งทำลายสถิติของ สเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสหญิงชาวเยอรมัน ด้วยการเป็นนักหวดหญิงที่่คว้าแชมป์แกรนด์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 23 รายการ หลังคว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น 2017 ได้สำเร็จ และรั้งตำแหน่งมือ 1 ของโลกได้อย่างเหนียวแน่น
ถึงกระนั้น ช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา นักหวดหญิงวัย 35 ปี ออกมาประกาศว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกคนแรก และจะหยุดลงแข่งขันเทนนิสเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ทำให้ช่วงหลังอันดับโลกของเธอตกมาอยู่ที่อันดับ 15 แต่เงินรางวัลสะสมของเซเรนา ยังคงติดโผ 5 อันดับแรกด้วยรายได้ 84.4 ล้านดอลลาร์ (2,743 ล้านบาท)
3.ราฟาเอล นาดาล (สเปน, 86.1 ล้านดอลลาร์)
นักเทนนิสเจ้าของฉายา “ราชาคอร์ทดิน” รายนี้ สร้างสถิติมากมายในวงการลูดสักหลาด ทั้งการคว้าแชมป์ทั้งหมดในอาชีพ 73 รายการ แชมป์แกรนด์สแลม 15 รายการ เป็นรองก็เพียง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, คว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น มากสุดในประวัติศาสตร์ 10 สมัย, คว้าแชมป์มอนติคาร์โล มากสุดในประวัติศาสตร์ 10 สมัย และคว้าแชมป์บาร์เซโลนา โอเพ่น มากสุดในประวัติศาสตร์
การที่เจ้าตัวเริ่มเทิร์นโปรเป็นนักเทนนิสอาชีพตั้งแต่อายุ 16 ปี และทำผลงานได้ดีเรื่อยมา หมายความว่าเจ้าตัวเก็บสะสมเงินรางวัลเรื่อยมาเป็นยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 86.1 ล้านดอลลาร์ (2,798.2 ล้านบาท) โดยเฉพาะในปีนี้ ที่ถือเป็นปีทองของเขา เนื่องจากเจ้าตัวคว้าแชมป์ไปแล้ว 4 รายการ และคว้าแชมป์ติดต่อกันถึง 3 รายการ ประกอบด้วย มอนติ คาร์โล มาสเตอร์ส, บาร์เซโลนา โอเพ่น และเฟรนช์ โอเพ่น ซึ่งเป็นการทวงบัลลังก์ราชาแห่งคอร์ทดินคืนได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้ ฟอร์มตกไปหลายปี พร้อมทั้งก้าวขึ้นไปเป็นมือสองของโลกในขณะนี้ และมีเงินรางวัลสะสมเฉพาะในปีนี้มากถึง 7.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 237.2 ล้านบาท) มากกว่ารายได้ที่ นาดาล ทำได้เมื่อปีที่แล้วทั้งปีถึง 5 ล้านดอลลาร์ (162.5 ล้านบาท)
2.โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (สวิตเซอร์แลนด์, 107.3 ล้านดอลลาร์)
หากจะพูดถึง 1 ในนักเทนนิสชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และอยู่ในวงการมาอย่างยาวนาน หลายคนคงจะนึกถึงชื่อของ “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์” นักหวดวัย 35 ปีชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่โลดแล่นอยู่ในวงการเทนนิสอาชีพมาแล้วกว่า 19 ปี
สำหรับ เฟเดอเรอร์ ถือเป็นนักเทนนิสในอันดับต้นๆของวงการในขณะนี้ ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยคว้าแชมป์ในเทนนิแกรนด์ สแลมไปแล้วทั้งหมด 19 สมัย แบ่งเป็น ออสเตรเลียน โอเพ่น 5 สมัย เฟรนช์ โอเพ่น 4 สมัย วิมเบิลดัน 8 สมัย และยูเอส โอเพ่น 5 สมัย จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้มีแฟนๆตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่คอยติดตาม และให้กำลังใจเขาอยู่เสมอในทุกการแข่งขัน
ส่วนอีกเหตุผลที่ทำให้นักหวดชาวสวิสรายนี้ เป็นที่รักของแฟนๆ คือเรื่องของลีลาการตีในสนาม ซึ่งถ้าใครติดตามนักเทนนิสรายนี้ เจ้าตัวจะมีลูกเก่งที่ใช้ประจำ เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายเลยก็ว่าได้ นั่นคือ ลูกแบ็กแฮนด์มือเดียว ที่มีประสิทธิภาพมาก ทั้งทรงพลัง และแม่นยำ จนยากจะหาใครมาเลียนแบบได้ นอกจากนั้น เวลาแข่งขัน เขามักจะเล่นด้วยรอยยิ้ม และมีท่าการตีที่ทำให้แฟนๆ รวมถึงคู่แข่งแปลกใจอยู่เสมอ เช่น การตีลูกลอดขา เป็นต้น
ตั้งแต่เริ่มปี 2017 ที่ผ่านมา เจ้าตัวคว้าแชมป์ไปแล้วถึง 5 รายการ ประกอบด้วย ออสเตรเลียน โอเพ่น, อินเดียน เวลส์ ,ไมอามี โอเพ่น, เจอร์รี เวเบอร์ โอเพ่น และล่าสุด คือ วิมเบิลดัน ซึ่งเป็นแชมป์แกรนด์แสลมรายการที่ 19 ของ “เฟดเอ็กซ์” ด้วย ด้วยผลงานอันสุดยอด ส่งผลให้เงินรางวัลสะสมของเขาพุ่งพรวดขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด โดยมียอดรวมที่ 107.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,487.2 ล้านบาท) ไล่จี้อันดับ 1 อย่าง โนวัค ยอโควิช มาอย่างกระชั้นชิด
1.โนวัค ยอโควิช (เซอร์เบีย, 109.8 ล้านดอลลาร์)
อดีตมือ 1 ของโลก ที่ได้รับการยกย่องว่ามีลีลาการตีที่ครบเครื่องที่สุดทั้งเกมรุก และเกมรับ รวมถึงเป็นเจ้าของแชมป์ทั้งหมด 68 รายการตลอดอาชีพนักเทนนิส
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว ยอโควิช ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหลายจุด ทั้งสะโพก และข้อศอก ส่งผลให้ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย จนต้องประกาศแยกทางกับ มาเรียน วัจดา โค้ชชื่อดัง และทีมงานโค้ชทั้งหมด ซึ่งในปี 2017 ที่ผ่านมา เขาคว้าแชมป์มาครองได้ 2 รายการ แต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการใดๆได้เลย
ด้วยผลงานที่เกิดขึ้นทำให้ปีนี้ เขาทำรายได้ไปเพียง 2 ล้านดอลลาร์ (ราว 65 ล้านบาท) ห่างจากปีที่แล้วถึง 12 ล้านดอลลาร์ (390 ล้านบาท) เลยทีเดียว และทำให้เงินสะสมของเจ้าตัวในขณะนี้มีอยู่ 109.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,568.5 ล้านบาท) ทิ้งห่าง เฟเดอเรอร์ อันดับ 2 เพียงแค่ 2.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 81.2 ล้านบาท) เท่านั้น และเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าตัวทิ้งห่าง “เฟดเอ็กซ์” กว่า 13 ล้านดอลลาร์ (422.5 ล้านบาท) ทำให้ “โนเล” ต้องเร่งฟอร์มขึ้นมาอย่างหนัก หากยังต้องการรักษาบัลลังก์แชมป์ทำรายได้สูงสุดของนักเทนนิสอาชีพเอาไว้