วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 22, 2025

Creating liberating content

🌟 Qwen Chat AI...

Qwen Chat AI เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย Alibaba Cloud ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้งานในหลากหลายด้าน เช่น การตอบคำถาม, การสร้างเนื้อหา, การสนทนาโต้ตอบ และการแก้ปัญหาเฉพาะทาง Qwen...

ปั่นจักรยาน เปิดไอเดียใหม่ สร้างสรรค์ไม่รู้จบ!

การปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมที่สามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วยหลากหลายกลไก ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยมีทฤษฎีที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ดังนี้ การลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกที่ดี: การปั่นจักรยานช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทำให้จิตใจปลอดโปร่งและมีพื้นที่สำหรับความคิดใหม่ๆ การเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง: การออกกำลังกายอย่างการปั่นจักรยาน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านต่างๆ เช่น...

Google ได้รวมบริการ NotebookLM Plus...

ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจ Google One AI Premium (ราคา 750 บาทต่อเดือนในประเทศไทย) จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังนี้: พื้นที่เก็บข้อมูล 2TB: เหมือนเดิม สิทธิ์การใช้...

เพลงตามยุคสมัย เพลงฟังสบาย 9dek เพลงฟังสบายตอนขับรถทางไกล

🎧 Acoustic & Easy Listening เพลงแนวอะคูสติกและฟังง่าย เน้นเสียงกีตาร์โปร่งและเสียงร้องที่อบอุ่น ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เหมือนนั่งฟังเพลงในบรรยากาศอบอุ่นของคาเฟ่ 🌿 Indie & Chill เพลงอินดี้ที่มีจังหวะชิล ๆ...
หน้าแรกน่าสนใจเมื่อ AI วิเคราะห์...

เมื่อ AI วิเคราะห์ หุ้น BH Technical Analysis of Bumrungrad Hospital (BH) Stock 17-12-2567

จากกราฟของ Bumrungrad Hospital (BH) ผมสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:

จุดสำคัญทางเทคนิค:
1. ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 190.50 บาท ลดลง -2.50 บาท (-1.30%)
2. ราคากำลังอยู่ใต้เส้น Moving Average ทั้ง 3 เส้น (MA10, MA26, MA75) ซึ่งเป็นสัญญาณลบ
3. RSI อยู่ที่ 20.78 ซึ่งเข้าสู่ภาวะ Oversold อย่างชัดเจน (ต่ำกว่า 30)
4. MACD แสดงสัญญาณขาลงต่อเนื่อง
5. Volume เพิ่มขึ้นในช่วงขาลง แสดงถึงแรงขายที่หนักแน่น

แนวโน้มระยะสั้น:
– Trend ขาลงชัดเจนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024
– ราคาลงมาจาก 270 บาทเหลือ 190 บาท ในเวลาประมาณ 2 เดือน
– แรงขายยังคงหนักและยังไม่มีสัญญาณของการ Rebound ที่ชัดเจน

ข้อควรระวัง:
– แม้ว่า RSI จะเข้าสู่ภาวะ Oversold แต่ในภาวะ Downtrend แรง ราคาอาจจะยังลงต่อได้
– ควรรอสัญญาณการ Reverse Trend ที่ชัดเจนก่อนเข้าซื้อ
– อาจต้องดูปัจจัยพื้นฐานประกอบ เช่น ผลประกอบการ หรือปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจโรงพยาบาล

แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ:
– แนวรับถัดไปอยู่ที่ 186-190 บาท
– แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 203-207 บาท และ 243-247 บาท

หากต้องการลงทุน ควรรอจังหวะที่ราคาเริ่มมีสัญญาณ Reversal ที่ชัดเจน เช่น การ Break MA ขึ้นไปพร้อม Volume ที่หนาแน่น หรือการเกิด Bullish Divergence ในกราฟ RSI

จากข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติม สามารถวิเคราะห์เพิ่มได้ดังนี้:

1. การประเมินมูลค่า:
– P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 19.97 เท่า ลดลงมาจาก 25.86 เท่าในปีก่อน ซึ่งถือว่าไม่แพงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
– P/BV อยู่ที่ 5.94 เท่า ลดลงจาก 8.01 เท่า แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมากกว่าการเติบโตของมูลค่าทางบัญชี
– PEG Ratio ที่ 1.79 บ่งชี้ว่าราคายังสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต

2. ผลประกอบการ:
– EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 10,471.50 ล้านบาท จาก 9,494.83 ล้านบาท แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
– EV/EBITDA ที่ 14.58 เท่า ลดลงจาก 18.88 เท่า สะท้อนว่ามูลค่ากิจการถูกลงเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไร

3. ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น:
– Dividend Yield เพิ่มขึ้นเป็น 2.36% จาก 1.58% เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลง
– Dividend Payout Ratio ที่ 0.54 หรือ 54% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติและมีความยั่งยืน

4. สภาพคล่อง:
– Turnover Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 96.83% จาก 78.52% แสดงถึงการซื้อขายที่คึกคักขึ้น
– Market Cap ลดลงมาอยู่ที่ 151,431 ล้านบาท จาก 176,464 ล้านบาท สะท้อนมูลค่าตลาดที่หายไปจากราคาที่ปรับตัวลง

ความเห็นเพิ่มเติม:
1. แม้ราคาจะปรับตัวลงแรง แต่ผลประกอบการยังแข็งแกร่งและมีการเติบโต
2. Valuation ที่ถูกลงมากอาจเป็นโอกาสในการสะสม แต่ควรรอจังหวะที่เทคนิคเริ่มฟื้นตัว
3. อัตราการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยดึงดูดนักลงทุนระยะยาว
4. ควรติดตามปัจจัยที่กระทบต่อการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของโรงพยาบาล

คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้ราคาลงเยอะขนาดนี้

จากการวิเคราะห์ การที่ราคาลงแรงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา น่าจะมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน:

1. ปัจจัยเฉพาะตัว:
– การชะลอตัวของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม Medical Tourism จากตะวันออกกลาง ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
– การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจโรงพยาบาลระดับบน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
– อาจมีความกังวลเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งค่าแรงบุคลากรทางการแพทย์และต้นทุนยา

2. ปัจจัยอุตสาหกรรม:
– Sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นมามากในช่วงต้นปีจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
– นักลงทุนอาจมองว่าการเติบโตในอนาคตอาจชะลอตัวลง หลังจากที่เติบโตสูงในช่วงฟื้นตัวหลัง COVID-19

3. ปัจจัยตลาด:
– Fund Flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็น Index
– การปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน ที่อาจลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล

4. ปัจจัยจิตวิทยา:
– การขายทำกำไรของนักลงทุนที่ถือมาตั้งแต่ต้นปี
– แรงขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาหลุดแนวรับสำคัญหลายระดับ ทำให้เกิดการขายต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากตัวเลขพื้นฐาน:
– EBITDA ยังเติบโตดี
– P/E ที่ 19.97 เท่าถือว่าไม่แพง
– Dividend Yield ที่ 2.36% น่าสนใจขึ้น

ดังนั้น การปรับตัวลงอาจเป็นโอกาสในการสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่ควรรอจังหวะที่ราคาเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคก่อน

คุณให้กี่คะแนน ถ้าคะแนนเต็ม 10

จากการวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค ผมให้ 7/10 คะแนน โดยแบ่งเป็น:

จุดแข็ง (+):
– ธุรกิจโรงพยาบาลชั้นนำ มีแบรนด์แข็งแกร่งในระดับภูมิภาค
– ผลประกอบการยังเติบโตดี สังเกตจาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น
– Valuation ที่น่าสนใจขึ้นหลังราคาปรับลง (P/E ~20 เท่า)
– Dividend Yield ที่ 2.36% น่าสนใจสำหรับหุ้น Growth
– ฐานะการเงินแข็งแกร่ง

จุดอ่อน (-):
– แนวโน้มทางเทคนิคยังเป็นขาลงชัดเจน
– ความเสี่ยงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่อาจกระทบลูกค้าหลัก
– การแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลระดับบนที่รุนแรงขึ้น

สรุป: เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่ควรทยอยสะสมและรอจังหวะที่ราคาเริ่มมี Signal ฟื้นตัวทางเทคนิคก่อน เนื่องจากในระยะสั้น Downtrend ยังแรงและยังไม่มีสัญญาณ Reversal ที่ชัดเจน

ตอนนี้ฉ้นมี 1300 หุ้นที่ราคา 195.21 คุณจะแนะนำอย่างไร

จากข้อมูลที่คุณมีหุ้น BH จำนวน 1,300 หุ้น ที่ต้นทุน 195.21 บาท (มูลค่าประมาณ 253,773 บาท) และราคาปัจจุบันอยู่ที่ 190.50 บาท คุณขาดทุนอยู่ประมาณ -2.41% หรือประมาณ 6,123 บาท ผมมีความเห็นดังนี้:

คำแนะนำ:
1. ถ้าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว:
– แนะนำให้ถือต่อ เพราะต้นทุนไม่ได้สูงมาก และบริษัทยังมีพื้นฐานที่ดี
– อาจพิจารณาทยอยเพิ่มเพื่อลดต้นทุนลงในจังหวะที่ราคามีสัญญาณฟื้นตัว
– ระหว่างรอถือจะได้รับ Dividend Yield ประมาณ 2.36%

2. ถ้าคุณเป็นนักลงทุนระยะสั้น:
– อาจต้องรอจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคา Rebound กลับขึ้นไปเหนือต้นทุน
– แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 203-207 บาท ซึ่งอาจเป็นจุดพิจารณาขายได้
– ถ้าราคาหลุด 186 บาท ควรพิจารณาตัดขาดทุนเพื่อรักษาเงินต้น

จุดที่ต้องติดตาม:
– สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจกระทบจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ
– ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามารักษาในไทย
– งบไตรมาส 4/2023 ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้

โดยส่วนตัวผมคิดว่าถ้าคุณพอรับความผันผวนได้ แนะนำให้ถือต่อไปก่อน เพราะ:
1. ขาดทุนยังไม่มาก (-2.41%)
2. พื้นฐานบริษัทยังแข็งแกร่ง
3. ราคาปัจจุบันถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตระยะยาว
4. มีโอกาสที่ราคาจะ Rebound กลับขึ้นมาเหนือต้นทุนได้เมื่อ Sentiment ตลาดดีขึ้น

ฉันจะสะสมเพิ่ม นาน ๆ จะมีหุ้นที่มีพื้นฐานดี ราคาลงมา

การตัดสินใจสะสมเพิ่มในจังหวะนี้ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี เพราะ:

1. Valuation ถูกลงมาก:
– P/E ลดลงจาก 25.86 เหลือ 19.97 เท่า
– ราคาลงมา 30% จากจุดสูงสุด แต่กำไรยังเติบโต
– ได้ Dividend Yield ที่สูงขึ้นระหว่างรอราคาฟื้น

2. จุดที่น่าสะสม:
– RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่า Oversold มาก
– ราคาใกล้แนวรับสำคัญที่ 186-190 บาท
– สามารถทยอยสะสมเพื่อเฉลี่ยต้นทุนลง

คำแนะนำในการสะสมเพิ่ม:
1. ควรทยอยซื้อ แบ่งเงินเป็น 3-4 ส่วน ไม่ควรใช้เงินก้อนเดียวซื้อทั้งหมด
2. อาจเริ่มสะสมที่ราคาปัจจุบัน และเพิ่มเมื่อราคาลงต่ำกว่า 190 บาท
3. ถ้าราคาหลุด 186 บาท อาจรอดูแรงซื้อกลับก่อนเพิ่มพอร์ต
4. ควรตั้งเป้าหมายการลงทุนระยะยาว 2-3 ปีขึ้นไป

ราคาเป้าหมายระยะยาวที่คุ้มค่าต่อการสะสม:
– แนวต้านแรกที่ 203-207 บาท (+7%)
– แนวต้านถัดไปที่ 243-247 บาท (+28%)
– เป้าหมายระยะยาวที่ 270 บาท (+42%) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดก่อนปรับฐาน

สรุป: เป็นจังหวะที่ดีในการสะสมเพิ่ม แต่ควรทยอยซื้อและใช้ความอดทน เพราะราคาอาจจะยังผันผวนในระยะสั้น แต่โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวมีสูง

เราจะรอราคาออกด้านข้างก่อน จะปลอดภัยกว่าหรือป่าว

ใช่ครับ การรอให้ราคา Sideway หรือออกด้านข้างก่อนจะปลอดภัยกว่า เพราะ:

1. ข้อดีของการรอราคา Sideway:
– แสดงว่าแรงขายเริ่มหมดและราคาเข้าสู่จุดสมดุล
– ลดความเสี่ยงจากการ “จับหุ้นตก” ในขณะที่ Trend ยังลง
– มีโอกาสเห็นการสะสมของสถาบันผ่าน Volume และ Price Action
– สามารถตั้ง Stop Loss ได้ชัดเจนกว่า

2. สัญญาณที่ควรรอดู:
– Volume ที่เริ่มลดลงในช่วงขาลง
– การ Break MA ระยะสั้นขึ้นไปพร้อม Volume สูง
– RSI เริ่มมีการ Divergence เชิงบวก
– ราคาเริ่มมีการ Higher Low หรือ Higher High

3. ระดับราคาที่ควรจับตา:
– แนวรับ 186-190 บาท ถ้าราคายืนได้และ Sideway
– แนวต้านแรกที่ 203-207 บาท ถ้าผ่านได้จะเป็นสัญญาณบวก
– ดู Volume ที่เข้ามาในแต่ละระดับราคา

สรุป: การรอให้ราคา Sideway ก่อนค่อยทยอยสะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้ดีกว่าการรีบซื้อตอนราคากำลังลง แม้ว่าอาจจะได้ราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย แต่โอกาสประสบความสำเร็จจะสูงกว่า

แนวรับ 186 มีโอกาสขนาดไหน

จากกราฟและข้อมูลที่มี ผมประเมินโอกาสที่ราคาจะลงไปทดสอบแนวรับ 186 บาทดังนี้:

โอกาสค่อนข้างสูง (ประมาณ 70-80%) เพราะ:

1. ปัจจัยทางเทคนิคที่สนับสนุน:
– Momentum ขาลงยังแรง (MACD ยังติดลบ)
– ยังไม่มีสัญญาณ Divergence ที่ชัดเจน
– Volume ขาลงยังหนาแน่น
– ราคายังอยู่ใต้ MA ทุกเส้น

2. พฤติกรรมราคา:
– การ Rebound แต่ละครั้งมี Volume น้อย
– แรงซื้อกลับยังไม่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
– แท่งเทียนส่วนใหญ่ยังเป็นลบ

3. ช่วงราคาปัจจุบัน (190.50) ถึง 186:
– ห่างกันเพียง 2.36%
– ไม่มีแนวรับสำคัญระหว่างทาง
– Market Sentiment ยังไม่เอื้อ

อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุด 186:
– แนวรับถัดไปอยู่ที่ 180-182 บาท
– อาจเกิด Panic Sell ในระยะสั้น
– แต่โอกาส Oversold Rebound จะสูงขึ้น

คำแนะนำ:
1. ถ้าจะซื้อเพิ่ม ควรรอดูแรงซื้อที่ 186 ก่อน
2. ดู Volume ที่เข้ามาว่ามีแรงซื้อกลับหรือไม่
3. อาจแบ่งเงินเป็น 2-3 ส่วน เผื่อราคาลงต่ำกว่า 186

ข้อมูลล่าสุด ช่วงบ่าย

จากกราฟล่าสุด เห็นว่าราคาได้ลงมาแตะแนวรับ 186.50 บาทแล้ว (+0.27%) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:

1. สัญญาณทางเทคนิคปัจจุบัน:
– RSI ยังอยู่ในโซน Oversold (20.90)
– MACD ยังคงติดลบ (-2.90)
– ราคายังต่ำกว่า MA ทุกเส้น (MA10: 189.45, MA26: 192.96, MA75: 202.19)
– Volume วันนี้ที่ 592.6K ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย

2. จุดที่น่าสนใจ:
– ราคามาถึงแนวรับสำคัญที่เราคุยกันไว้ (186)
– มี Volume เข้ามาพอสมควรในจุดนี้
– เริ่มมีแรงซื้อกลับเล็กน้อย (ราคาบวก 0.27%)

3. สิ่งที่ควรติดตาม:
– ดูว่าราคาจะยืนเหนือ 186 ได้หรือไม่
– สังเกต Volume และแรงซื้อในช่วงบ่าย
– ถ้าราคายืน 186 ได้และ Sideway สักพัก อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว

คำแนะนำ:
– ยังคงแนะนำให้รอดูแรงซื้อและ Price Action บริเวณนี้
– ถ้าจะสะสมเพิ่ม ควรรอให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน
– ระวังการหลุด 186 ลงไป ซึ่งอาจทำให้ราคาลงต่อถึง 180-182 บาท

ครับ รอดูต่อไป

ใช่ครับ การรอดูต่อในจังหวะนี้เป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะ:

1. เราอยู่ที่จุดสำคัญ (แนวรับ 186)
2. ยังไม่เห็นสัญญาณ Reversal ที่ชัดเจน
3. ควรรอดู Volume และทิศทางในช่วงนี้ให้แน่ใจก่อน

สำหรับระยะนี้ ผมจะคอยติดตามและอัพเดทข้อมูลให้นะครับ โดยเฉพาะ:
– สัญญาณการ Break Up เหนือ MA10 (189.45)
– Volume ที่เข้ามาในแต่ละวัน
– พฤติกรรมราคาบริเวณแนวรับนี้

หากมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เราค่อยมาวิเคราะห์กันใหม่ครับ

AV

ตามนั้นครับ

ครับ เราจะติดตามสถานการณ์กันต่อ ถ้ามีอะไรน่าสนใจหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถถามได้ตลอดนะครับ 👍

อย่างที่วิเคราะห์กัน จังหวะนี้การรอดูให้ชัดเจนก่อนจะปลอดภัยที่สุด เพราะเป็นจุดสำคัญที่อาจจะเป็นจุดกลับตัว หรืออาจจะลงต่อได้ การรอดู Price Action และ Volume จะช่วยให้เราตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นครับ

แรงซื้อและ Price Action << ตอนนี้เป็นอย่างไร จากกราฟล่าสุด วิเคราะห์ Price Action และแรงซื้อได้ดังนี้:

Price Action:

  • รูปแบบแท่งเทียนยังแสดงถึงความอ่อนแอ (แท่งยาวขาลง)
  • พยายาม Rebound ขึ้นมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
  • ไม่สามารถยืนเหนือ MA ระยะสั้นได้
  • ยังไม่เห็น Higher Low หรือ Higher High

แรงซื้อ:

  • Volume ที่เข้ามาในช่วง Rebound ยังน้อย
  • แรงซื้อกลับยังไม่หนาแน่นพอ
  • ไม่เห็น Volume สะสมที่ชัดเจน
  • แรงขายยังคงเป็นฝ่ายควบคุมทิศทาง

สรุป: ในขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่น่าเชื่อถือ เพราะ:

  1. แรงซื้อยังไม่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
  2. Price Action ยังอ่อนแอ
  3. ยังไม่เห็นการสะสมที่ชัดเจน

แนะนำให้รอดูต่อไป โดยเฉพาะบริเวณแนวรับ 186 บาท ว่าจะมีแรงซื้อหนาแน่นเข้ามาหรือไม่

ข้อมูลเปิดตลาดช่วงบ่าย

จากข้อมูลตลาดช่วงบ่าย มีประเด็นสำคัญดังนี้:

  1. ราคาและการเคลื่อนไหว:
  • ราคาล่าสุด 186.00 บาท ลดลง -4.50 บาท (-2.36%)
  • High/Low วันนี้: 192.00/185.00 บาท
  • ราคาเปิดรอบเช้า 190.50 บาท และเปิดรอบบ่าย 185.50 บาท
  1. Volume และการซื้อขาย:
  • Volume รวม 3,678,200 หุ้น ถือว่าค่อนข้างสูง
  • มี Bid หนาแน่นที่ราคา 185-186 บาท
  • Offer กระจายตัวตั้งแต่ 186.50-190.50 บาท
  • เริ่มมีแรงซื้อ(B) เข้ามาที่ 186.50 บาท หลายรายการ
  1. สัญญาณที่น่าสนใจ:
  • เห็น Block Trade ขนาด 500 หุ้นที่ราคา 186.50
  • Volume By Price แสดงการสะสมที่บริเวณ 185-187 บาท
  • Average Buy/Sell อยู่ที่ 187.73/187.88 บาท แสดงว่ามีแรงซื้อขายสลับกัน

ความเห็น:

  • ราคากำลังทดสอบแนวรับสำคัญที่ 186 บาท
  • เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามารับที่บริเวณนี้
  • แต่ยังต้องดูว่าจะมีแรงซื้อต่อเนื่องพอที่จะพยุงราคาได้หรือไม่
  • ควรรอดูการปิดตลาดวันนี้ว่าจะยืนเหนือ 186 ได้หรือไม่

จากข้อมูลตลาดช่วงท้าย มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้:

1. ราคาและ Volume:
– ราคาล่าสุด 185.50 บาท ลดลง -5.00 บาท (-2.62%)
– Volume รวมเพิ่มขึ้นเป็น 7,201,600 หุ้น
– Volume by Price หนาแน่นที่ 185.50 บาท

2. แรงซื้อ-ขาย:
– Buy Side: 31% vs Sell Side: 57% (แรงขายมากกว่า)
– Bid หนาแน่นที่ 183-185 บาท
– Average Buy 186.75 / Average Sell 186.76
– ราคาหลุดแนวรับ 186 บาทแล้ว

3. สัญญาณที่น่ากังวล:
– แรงขาย(S) ต่อเนื่องในช่วงท้าย
– ไม่มีแรงซื้อกลับที่หนาแน่นพอ
– ราคาทำ Low ใหม่ที่ 184.50 บาท

ความเห็น:
1. ราคาหลุดแนวรับสำคัญ 186 บาทแล้ว
2. แนวรับถัดไปที่ต้องระวังคือ 182-184 บาท
3. ควรรอดูแรงซื้อกลับก่อนพิจารณาสะสม
4. อาจต้องรอให้ราคา Sideway ในกรอบใหม่ก่อน

Get notified whenever we post something new!

spot_img

9dek.com

ความรู้ ความบังเทิง ไปด้วยกัน จุดเริ่ม ก้าวเล้ก ๆ.

Continue reading

🌟 Qwen Chat AI – ผู้ช่วยอัจฉริยะของคุณในทุกสถานการณ์! 🌟

Qwen Chat AI เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย Alibaba Cloud ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้งานในหลากหลายด้าน เช่น การตอบคำถาม, การสร้างเนื้อหา, การสนทนาโต้ตอบ และการแก้ปัญหาเฉพาะทาง Qwen มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจากหลายแหล่งและสามารถตอบกลับได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ### จุดเด่นของ Qwen Chat AI: 1. **ความหลากหลายในการสนทนา**: Qwen สามารถสนทนากับผู้ใช้ในหัวข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาแบบไม่เป็นทางการหรือคำถามเชิงเทคนิค โดยมีฐานข้อมูลความรู้ที่กว้างขวางทำให้ตอบคำถามได้ครอบคลุมหลากหลายหมวดหมู่ 2. **ความแม่นยำและการปรับแต่งคำตอบ**: โมเดลมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากและให้คำตอบที่แม่นยำตามบริบท พร้อมทั้งยังสามารถปรับแต่งคำตอบให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจของผู้ใช้งาน 3. **การสร้างเนื้อหา**: นอกจากการสนทนาแล้ว Qwen ยังสามารถช่วยสร้างเนื้อหา เช่น เขียนบทความ สรุปประเด็นสำคัญ หรือช่วยเขียนโค้ดโปรแกรม ซึ่งเหมาะสำหรับนักเขียนหรือนักพัฒนาที่ต้องการไอเดียใหม่ๆ หรือการช่วยเหลือเบื้องต้น 4. **รองรับหลายภาษา**: Qwen รองรับหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย ซึ่งทำให้ผู้ใช้จากหลากหลายภูมิภาคสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย 5. **การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง**: Qwen ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลขนาดใหญ่และยังคงมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...

ปั่นจักรยาน เปิดไอเดียใหม่ สร้างสรรค์ไม่รู้จบ!

การปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมที่สามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วยหลากหลายกลไก ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยมีทฤษฎีที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ดังนี้ การลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกที่ดี: การปั่นจักรยานช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทำให้จิตใจปลอดโปร่งและมีพื้นที่สำหรับความคิดใหม่ๆ การเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง: การออกกำลังกายอย่างการปั่นจักรยาน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านต่างๆ เช่น ความจำ สมาธิ และความคิดสร้างสรรค์ การทำซ้ำและการเข้าสู่สภาวะ "flow state": การปั่นจักรยานเป็นการทำกิจกรรมที่ต้องทำซ้ำๆ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะ ทำให้เกิดสมาธิและเข้าสู่สภาวะ "flow state" ซึ่งเป็นสภาวะที่ความคิดสร้างสรรค์สามารถผุดขึ้นมาได้อย่างอิสระ การกระตุ้นจินตนาการจากการเดินทาง: การปั่นจักรยานเป็นการเดินทางที่ช่วยให้ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ และกระตุ้นจินตนาการ การปั่นจักรยานไปในสถานที่ใหม่ๆ จะช่วยเปิดโลกทัศน์และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ การทำกิจกรรมร่วมกับสิ่งอื่นๆ: การปั่นจักรยานยังสามารถทำร่วมกับกิจกรรมอื่นๆ ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้ เช่น การฟังเพลง การถ่ายรูป หรือการวาดรูป อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการปั่นจักรยานที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง...

Google ได้รวมบริการ NotebookLM Plus เข้ากับแพ็กเกจ Google One AI Premium สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ใช่บัญชีองค์กรแล้ว

ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจ Google One AI Premium (ราคา 750 บาทต่อเดือนในประเทศไทย) จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังนี้: พื้นที่เก็บข้อมูล 2TB: เหมือนเดิม สิทธิ์การใช้ Gemini Advanced: เหมือนเดิม NotebookLM Plus: ซึ่งมีโควต้าการใช้งานมากกว่ารุ่นฟรีถึง 5 เท่า และมีฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติม เช่น การแชร์โน้ตบุ๊กกับคนในทีม การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้ Google One AI Premium ได้รับประโยชน์มากขึ้น โดยสามารถใช้ NotebookLM Plus ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ สรุปเนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากคุณสนใจใช้บริการ NotebookLM Plus หรือ...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.

HTML Snippets Powered By : XYZScripts.com